วันพุธที่ 29 สิงหาคม พ.ศ. 2561

ยูเอ็นเสนอตั้งคณะสอบกองทัพเมียนมา “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์”
Rohingya refugees take part in a protest at the Kutupalong refugee camp to mark the one-year anniversary of their exodus from Myanmar, in Cox's Bazar, Bangladesh, Aug. 25, 2018.


หน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN เตรียมเสนอให้เปิดการสอบสวนนายทหารระดับสูงของรัฐบาลเมียนมา และเรียกร้องให้มีการดำเนินคดี “ฆ่าล้างเผ่าพันธุ์” จากประเด็นการก่ออาชญากรรมต่อมนุษยชาติ กับชาวมุสลิมโรฮิงจะทางตอนเหนือของรัฐยะไข่ และการก่ออาชญากรรมในรัฐคะฉิ่นและรัฐฉาน

ทีมสืบสวนสอบสวนอิสระเพื่อหาข้อเท็จจริงของหน่วยงานด้านสิทธิมนุษยชนขององค์การสหประชาชาติ หรือ UN นำเสนอรายงานความยาว 400 หน้า ว่าด้วยการกระทำอันชั่วร้ายและการก่อกรรมทำเข็ญ ที่ทาง UN ระบุว่าเป็นคำสั่งของกองทัพในการจัดการกับชนกลุ่มน้อยในเมียนมา

ในรายงานฉบับดังกล่าว ได้กล่าวหาผู้นำระดับสูงของกองทัพเมียนมา 6 นาย ว่ามีส่วนเกี่ยวข้องกับการก่ออาชญากรรมที่สร้างความรุนแรงมากที่สุดภายใต้กฏหมายระหว่างประเทศ

เจ้าหน้าที่ 3 คนจากคณะทำงานอิสระของ UN ระบุว่า การก่ออาชญากรรมเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในเมียนมา ทำให้เกิดการอพยพครั้งใหญ่ของผู้ลี้ภัยมุสลิมโรฮิงจะมากกว่า 700,000 คน ไปยังบังคลาเทศเมื่อปีที่แล้ว ซึ่งผู้นำระดับสูงของกองทัพเมียนมาได้เตรียมการเรื่องนี้มานานหลายปี

Rohingya refugee women arrange a cradle for child in their makeshift tent in the Balukhali refugee camp in Cox's Bazar, Bangladesh, Aug. 23, 2018.


นาย Christopher Sidoti หนึ่งในทีมสืบสวนอิสระของ UN ระบุว่า คณะทำงานกำลังรวบรวมหลักฐานการก่ออาชญากรรมเพื่อฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ และเรียกร้องให้มีการสอบสวนและดำเนินคดีกับผู้นำระดับสูงของกองทัพเมียนมาทั้ง 6 นายที่ถูกกล่าวถึงโดยศาลอาญาระหว่างประเทศ

ในรายงานของ UN ได้กล่าวหารัฐบาลพลเรือนของเมียนมาว่ามีอำนาจเพียงน้อยนิดในการควบคุมกองทัพและเพิกเฉยต่อการกระทำอันโหดร้ายป่าเถื่อน รวมทั้งวิพากษ์ตำหนิบทบาทของนางอองซาน ซูจี ที่ปรึกษาแห่งรัฐเมียนมา ซึ่งเคยเป็นนักเคลื่อนไหวด้านสิทธิมนุษยชนในประเทศ ว่าไม่ใช้บทบาทการเป็นผู้นำของตัวเองในการป้องกันไม่ให้เกิดเหตุรุนแรงในรัฐยะไข่

ทั้งนี้ รัฐบาลเมียนมาปฏิเสธที่จะให้คณะสืบสวนสอบสวนของ UN เข้าถึงและลงพื้นที่ในเมียนมา ทาง UN จึงทำได้แค่รวบรวมข้อมูลจากผู้ประสบเหตุและพยาน 875 คน การใช้ภาพถ่ายทางดาวเทียม เอกสารข้อมูล รูปถ่าย และคลิปวิดีโอบันทึกเหตุการณ์ในเมียนมา

ทีมสืบสวนได้ส่งรายงานฉบับนี้ให้กับรัฐบาลเมียนมาก่อนการเปิดเผยรายงานต่อสาธารณชน แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับคำตอบจากรัฐบาลเมียนมาแต่อย่างใด



ที่มา: VOA Thai

วันจันทร์ที่ 6 สิงหาคม พ.ศ. 2561

เหตุใดหลายประเทศทั่วโลกจึงเร่งลงทุนสร้างเขื่อน, เขื่อนผลิตไฟฟ้า กลายเป็นที่นิยมทั่วโลกได้อย่างไร ?

เหตุอุทกภัยครั้งร้ายแรงในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (สปป.ลาว) ที่เกิดจากการพังทลายของเขื่อนที่เพิ่งถูกสร้างขึ้น สะท้อนให้เห็นถึงทั้งผลกระทบและความนิยมในการสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าทั่วโลก

นอกจาก สปป.ลาว ที่ประกาศตัวเป็น "แบตเตอรีของเอเชีย" แล้ว ในหลายภูมิภาคทั่วโลก ยังมีแผนก่อสร้างเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำอีกหลายพันแห่ง

อุตสาหกรรมที่ในอดีตเคยถูกมองว่าไม่มีอนาคต กำลังกลับมารุ่งเรืองอีกครั้งในวันนี้ ขณะที่นักวิจารณ์หลายคนชี้ให้เห็นถึงอันตรายที่อาจเกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนจำนวนมาก อย่างรวดเร็วโดยไม่ได้พิจารณาถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างถี่ถ้วน

ทีมงานบีบีซี เรียลลิตี เช็ก (BBC Reality Check) ค้นหาคำตอบว่าอะไรคือสาเหตุที่ทำให้การสร้างเขื่อนจึงกลับมาเฟื่องฟูในปัจจุบัน

พลังงานเพื่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ

กระแสไฟฟ้าที่ผลิตได้จากเขื่อนเหล่านี้ มักถูกนำเสนอในฐานะเครื่องมือที่จะช่วยให้ประชาชนหลุดพ้นจากความยากจนในหลายประเทศ ตามความเห็นของ ซูซาน ชไมเออร์ อาจารย์อาวุโสประจำสถาบันการจัดการน้ำ IHE Delft

"ผู้คนจำเป็นต้องใช้กระแสไฟฟ้า เราจำเป็นต้องมีไฟฟ้าพลังงานน้ำที่ยั่งยืน คำถามก็คือ ใครจะเป็นผู้ตัดสินใจว่ามันควรจะเกิดขึ้นอย่างไร?" ชไมเออร์ กล่าว

ทุกวันนี้ ไฟฟ้าจากพลังงานน้ำ เป็นแหล่งไฟฟ้าทดแทนอันดับหนึ่งของโลก

เขื่อนผลิตไฟฟ้าเหล่านี้กักเก็บน้ำจากแม่น้ำเอาไว้ และเมื่อมีการปล่อยน้ำออกจากเขื่อน พลังน้ำจะไปหมุนกังหันน้ำและเครื่องกำเนิดไฟ้า เพื่อผลิตเป็นพลังงานไฟฟ้า

รัฐมนตรีพลังงานลาว ชี้เขื่อนแตกเพราะก่อสร้างไม่ได้มาตรฐาน
เขื่อนลาวแตก: กี่ทุนไทยที่ไปสร้างเขื่อนผลิตไฟในลาว
ประชาชนขณะร่วมเดินเท้าคัดค้านเขื่อนแม่วงก์ เมื่อปี 2017 / มูลนิธิสืบนาคะเสถียร

ตามฐานข้อมูลของมหาวิทยาลัยตูบินเจน ของเยอรมนี ระบุว่าในปัจจุบันมีเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำกว่า 3,500 แห่ง ที่กำลังอยู่ในระหว่างการวางแผนหรือกำลังก่อสร้างทั่วโลก และตัวเลขอาจเพิ่มเป็นเท่าตัวภายในปี 2030

อย่างไรก็ดี ฐานข้อมูลดังกล่าวยังไม่นับรวมเขื่อนที่ถูกออกแบบขึ้นเพื่อกักเก็บน้ำ ป้องกันน้ำท่วม การคมนาคม หรือเพื่อการนันทนาการ ซึ่งหมายความว่าจำนวนเขื่อนที่กำลังถูกสร้างทั่วโลกนั้นอาจสูงกว่านี้มาก

บราซิลเป็นประเทศที่สร้างเขื่อนใหม่มากเป็นอันดับหนึ่ง ขณะที่คาดการณ์กันว่าการผลิตกระแสไฟฟ้าส่วนใหญ่ของจีนจะมาจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ

คริสเตียน ซาร์ฟ ผู้ดูแลฐานข้อมูลดังกล่าวระบุว่า ข้อมูลที่ยังไม่ได้มีการเผยแพร่ ชี้ให้เห็นว่านับตั้งแต่ปี 2015 มีการเสนอโครงการก่อสร้างเขื่อนกว่า 100 แห่งในทวีปแอฟริกา และอีกกว่า 130 โครงการในอเมริกาใต้ โดยเฉพาะในเปรู บราซิล และเอกวาดอร์

นอกจากนี้โครงการใหม่ขนาดใหญ่อย่างการก่อสร้างเขื่อนเบโล มอนต์ ในบราซิล ที่ปลุกกระแสต่อต้านกลุ่มกิจการขนาดใหญ่ ของชนพื้นเมืองแอมะซอน และโครงการก่อสร้างเขื่อนเรเนสซองส์ ในแม่น้ำไนล์ ของเอธิโอเปีย ล้วนเป็นโครงการที่ก่อให้เกิดการถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง

ตามข้อมูลจากองค์การแม่น้ำนาชาติ (International Rivers) ระบุว่าตลอดความยาวของแม่น้ำโขงมีเขื่อนที่ถูกสร้างขึ้นใหม่ทั้งหมด 5 โครงการ ขณะที่อีก 2 โครงกำลังอยู่ระหว่างการก่อสร้าง และอีก 10 โครงการกำลังอยู่ในขั้นวางแผน และภายในปี 2020 สปป. ลาว ตั้งเป้าหมายที่จะมีโรงงานผลิตไฟฟ้าพลังน้ำที่ใช้งานได้กว่า 100 แห่ง


บทบาทที่ลดลงของธนาคารโลก

นับจนถึงช่วงทศวรรษที่ 1990 ธนาคารโลกมีส่วนเกี่ยวข้องอย่างมากในการสนับสนุนโครงการก่อสร้างเขื่อนทั่วโลก

อย่างไรก็ตาม แรงกดดันจากสาธารณะและข้อครหาจำนวนมากที่เกิดจากการสร้างเขื่อนขนาดใหญ่ ได้นำไปสู่งความกังวลที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ

ในปี 1993 ธนาคารโลกได้เพิกถอนเงินกู้สำหรับโครงการสร้างเขื่อนมูลค่าหลายล้านเหรียญสหรัฐฯ บริเวณแม่น้ำนาร์มาดา ของอินเดีย

ในรายงานเมื่อปี 2000 ที่ธนาคารโลกให้ คณะกรรมการเขื่อนโลก (World Commission on Dams - WCD) จัดทำขึ้น ได้นำเสนอ ความเสียหายทางสังคมและสิ่งแวดล้อมที่เกิดจากเขื่อนขนาดใหญ่ โดยระบุว่ามีประชาชนราว 40-80 ล้านคนทั่วโลกที่ต้องพลัดถิ่นจากการสร้างเขื่อน


ขณะที่บางคนเชื่อว่าตัวเลขดังกล่าวอาจสูงกว่านี้ หากนับรวมผลกระทบในด้านการเข้าถึงพื้นที่เกษตรกรรมและการทำประมง

"มันเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ ที่ทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงในการวางแผนและพัฒนาเขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ โดยหันไปให้ความสำคัญกับชุมชนที่ได้รับผลกระทบ" วิลล์ เฮนลีย์ โฆษกของ สมาคมผู้ผลิตไฟฟ้าพลังน้ำ (International Hydropower Association - IHA) กล่าว

จีนเข้ามาแทนที่

"ประเทศที่มีความต้องการใช้ไฟฟ้าอย่างมาก ต่างกำลังมองหาพลังงานที่สะอาดและราคาถูก" จูเลียน เคิร์ชเฮอร์ นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยยูเทรกต์ ของเนเธอร์แลนด์ กล่าว

และเมื่อธนาคารโลกถอยห่างจากอุตสาหกรรมเขื่อนผลิตไฟฟ้า จีนก็ได้ก้าวเข้ามามีบทบาทสำคัญจนกลายเป็นผู้นำในอุตสาหกรรมทุกวันนี้

นับตั้งแต่ขึ้นศตวรรษใหม่ IHA ระบุว่า การก่อสร้างโรงผลิตไฟฟ้าพลังน้ำทั่วโลกนั้นเป็นโครงการที่จีนมีส่วนร่วมกว่าครึ่งหนึ่ง และจีนยังมีศักยภาพในการก่อสร้างเขื่อนมากกว่าสหรัฐฯ ถึงสองเท่า

จีนไม่ได้เป็นเพียงเป็นผู้ผลิตรายใหญ่ที่สุดของโลกเท่านั้น แต่บริษัทก่อสร้างและบริษัทหลักทรัพย์ในประเทศ ยังได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาลให้ขยายธุรกิจไปในต่างประเทศอีกด้วย

นั่นเป็นเหตุผลที่ผู้เชี่ยวชาญหลายคนเชื่อว่า ในปัจจุบันบริษัทของจีนเป็นผู้ครองตลาดการก่อสร้างเขื่อนทั่วโลก ไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่ง

"บริษัทจากจีนถูกมองเป็นสิ่งที่เข้ามาทดแทนเงินทุนจากธนาคารโลก ซึ่งหลายประเทศยินดีต้อนรับ เพราะบริษัทเหล่านี้ไม่ตั้งคำถาม [ถึงผลกระทบต่อชุมชนและความหลากหลายทางชีวภาพ] มากมายเหมือนกับธนาคารโลก" เคิร์ชเฮอร์ กล่าว


ความวิตกกังวล

คำตอบว่าเขื่อนทั่วโลกมีจำนวนมากเกินไปหรือไม่นั้น ขึ้นอยู่กับว่าเขื่อนเหล่านั้นถูกก่อสร้างขึ้นอย่างไร และมีการปรึกษาหารือ กับชุมชนท้องถิ่นมากแค่ไหน

"การก่อสร้างที่นำมาซึ่งความยั่งยืนนั้นต้องใช้เวลา มันจำเป็นต้องมีการประเมินผลที่คำนึงถึงเขื่อนอื่น ๆ บนแม่น้ำสายเดียวกันด้วย" คริสเตียน ซาร์ฟ กล่าว

"การเร่งสร้างเขื่อนอย่างรวดเร็ว สามารถนำไปสู่ข้อผิดพลาดได้"


ในขณะที่โครงการก่อสร้างเขื่อนจำนวนมากขยายตัวไปทั่วโลก นักรณรงค์ยังคงเดินหน้านำเสนอผลกระทบที่มีต่อประชารท้องถิ่น และระบบนิเวศโดยรอบ

ผลสำรวจความเห็นเมื่อปี 2012 พบว่า กว่า 70% ของประชาชนที่ต้องย้ายถิ่นฐานกล่าวว่าพวกเขาประสบปัญหาความยากจน ขณะที่การศึกษาอีกชิ้นหนึ่งยังพบด้วยว่า เขื่อนทำให้ประชากรปลาในลุ่มแม่น้ำโขง ซึ่งเป็นแหล่งอาหารของคนท้องถิ่นมีจำนวนลดลง

อย่างไรก็ตาม เขื่อนผลิตไฟฟ้าพลังน้ำมีประโยชน์ที่ชัดเจน ในการทำหน้าที่ผลิตกระแสไฟฟ้าซึ่งเป็นที่ต้องการอย่างมากทั่วโลก ทั้งยังช่วยในเรืองกิจกรรมทางการเกษตรอีกด้วย

ชไมเออร์ อาจารย์อาวุโสประจำสถาบันการจัดการน้ำ IHE Delft เห็นว่าการที่ธนาคารโลกกลับมาให้ความสนใจและสนับสนุนการก่อสร้างเขื่อน 2 โครงการในประเทศลาวเมื่อเร็ว ๆ นี้ ยังบ่งบอกได้ชัดเจนถึงแรงสนับสนุนจากนานาชาติต่อเขื่อนที่มีการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพ "โดยเฉพาะในบริบทของการถกเถียงกันถึงเรื่องความเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศ"

ขอขอบคุณที่มา: บีบีซีไทย - BBC Thai


วันพฤหัสบดีที่ 18 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

มิธรรมดาเด็กอัจฉริยะ อายุแค่ 11 ขวบ เผยอุปกรณ์ไอทีแทบทุกชนิดสามารถถูกแฮกได้ทั้งนั้น

เด็กชายวัย 11 ขวบ โชว์แฮกเข้าบลูทูธของผู้เข้าร่วมประชุม หวังให้บทเรียนว่าทุกอย่างสามารถถูกเจาะเข้าระบบและนำไปใช้เป็นอาวุธได้หมด ไม่เว้นแม้แต่ตุ๊กตาหมีสุดน่ารักของเด็กๆ

ที่งานประชุมว่าด้วยความปลอดภัยในโลกไซเบอร์ ที่ประเทศเนเธอร์แลนด์ รูเบน พอล หรือ 'ไซเบอร์ นินจา' เด็กชายอายุ 11 ปี นักเรียนชั้นประถมศึกษาจากเมืองออสติน มลรัฐเทกซัส ประเทศสหรัฐฯ สร้างความฮือฮากับผู้ร่วมประชุมด้วยการโชว์ให้ผู้เข้าร่วมงานเห็นว่า อุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ทั้งหลายที่มีอยู่ในมือทุกคนสามารถถูกเจาะเข้าระบบได้ และสามารถนำไปใช้เป็นอาวุธมุ่งเน้นในทางร้ายได้อีกด้วย เพราะปัจจุบันไม่ว่าจะเครื่องบิน, โทรศัพท์เคลื่อนที่, บ้านอัจฉริยะ, และของเล่นในยุคใหม่ๆ ล้วนเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตแทบทั้งสิ้น

เพื่อเป็นการแสดงให้เห็นถึงภัยในข้อนี้ พอล ทำการเชื่อมต่อตุ๊กตาหมีที่เชื่อมต่อกับไว-ไฟ หรือ บลูทูธ เพื่อใช้รับส่งข้อความระหว่างผู้เล่นกับตัวตุ๊กตา หลังจากนั้นเชื่อมต่อคอมพิวเตอร์แลปทอปกับอุปกรณ์ที่เรียกว่า 'Raspberry Pi' เพื่อสแกนหาอุปกรณ์ที่เปิดใช้บลูทูธภายในหอประชุมจากนั้นในเวลาไม่นาน ทุกคนในหอประชุมต้องประหลาดใจสิ่งที่ได้ออกมานั้นคือหมายเลขโทรศัพท์หลายสิบหมายเลข และข้อมูลสำคัญทางราชการบางอย่าง

จากนั้นใช้ภาษาคอมพิวเตอร์ชื่อ Python แฮกตุ๊กตาหมีของเขาโดยผ่านหมายเลขหนึ่งเพื่อเปิดการใช้งานพร้อมกับบันทึกข้อความของผู้เข้าร่วมประชุม

รูเบน พอล กล่าวกับเอเอฟพีว่า อุปกรณ์ที่สามารถเชื่อมต่อกับอินเทอร์เน็ตได้ส่วนใหญ่จะเปิดบลูทูธได้ เขาเพียงแค่แสดงให้เห็นว่าเขาเชื่อมต่อกับอุปกรณ์เหล่านั้นได้อย่างไร และส่งชุดคำสั่งไปเพื่อให้อุปกรณ์เหล่านั้นบันทึกเสียงและเปิด-ปิดไฟ โดยพอลยังเตือนอีกว่า ของใช้รอบตัวเราแทบทุกอย่างสามารถถูกเจาะเอาข้อมูลต่าง ไม่ว่าจะเป็นรหัส, ข้อมูลส่วนตัว, ใช้บังคับกล้องภายในบ้านเพื่อสำรวจตรวจตรา, ค้นหาพิกัดที่อยู่, หรือแม้แต่แฮกเข้าของเล่นเหล่าแฮกเกอร์ก็สามารถทำได้

สำหรับในสหรัฐฯ รูเบน พอล กับพ่อของเขา มาโน พอล ผู้เชี่ยวชาญด้านไอที เปิดองค์กรไม่หวังผลกำไรชื่อ CyberShaolin ขึ้นเพื่อหวังให้ความรู้กับเด็กและผู้ปกครองได้ตระหนักถึงอันตรายจากโลกไซเบอร์ ซึ่งพอลอยากให้โรงงานผู้ผลิต, นักวิจัยด้านความปลอดภัยและรัฐบาลได้ทำงานร่วมกัน

ส่วนในอนาคต รูเบน พอล อยากเข้าศึกษาต่อด้านความปลอดภัยโลกไซเบอร์ จาก CalTech หรือ MIT หลังจากนั้นใช้ทักษะความสามารถของเขาในทางที่ถูกต้อง

loading...
loading...
Credit : voicetv

วันจันทร์ที่ 1 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

วิธีปลูกมะพร้าวน้ำหอมให้ได้ลูกดกตลอดทั้งปี น้ำเยอะ หวานหอมอร่อย แค่ทำตามนี้

มะพร้าวน้ำหอม ผลไม้ไทยอีกหนึ่งอย่างที่โด่งดังไปทั่วโลก ด้วยรสชาติอันหวานหอมของน้ำมะพร้าว อีกทั้งเนื้อมะพร้าวก็มีกลิ่นหอมเป็นเอกลักษณ์ ประเทศไทยเป็นประเทศเดียวที่มีมะพร้าวน้ำหอมส่งขายต่างประเทศ ยิ่งผู้บริโภครู้ว่า น้ำมะพร้าวมีประโยชน์ต่อสุขภาพ ช่วยชะลอความแก่ บำรุงผิวพรรณ ความต้องการเลยเพิ่มมากขึ้น สำหรับใครที่สนใจอยากปลูกมะพร้าวน้ำหอม ให้มีลูกดกตลอดทั้งปี ไม่ว่าจะปลูกกินหรือปลูกขาย วันนี้ มีเคล็ดลับการปลูกมะพร้าวดีๆจากเพจ ศูนย์รวมความรู้การเกษตร  มาฝากกันค่ะ ว่าแล้วก็ไปดูกันเลย

loading...

เริ่มจากการเตรียมหลุมปลูก

เตรียมพื้นที่ โดยไถแปร ไถพรวน ชักร่อง ใช้ระยะ 3x2 เมตร แล้วหว่านเมล็ดพืชตระกูลถั่ว เช่น ถั่วเขียว ฯลฯ เพื่อปรับปรุงคุณภาพดิน และเพิ่มปุ๋ยอินทรีย์ให้กับดินในราคาถูกที่สุด

ควรเตรียมหลุมปลูกในฤดูแล้ง ขุดหลุมขนาด ๕๐x๕๐x๕๐ เซนติเมตร แยกดินส่วนบนไว้ต่างหาก ตากลุมอย่างน้อย ๑ สัปดาห์ถ้ามีปลวกให้เผาเศษไม้ ใบไม้แห้งในหลุม หรืออาจใช้ยากันปลวกโรยก้นหลุมก็ได้

ถ้าปลูกมะพร้าวในพื้นที่แห้งแล้งหรือดินที่ปลูกเป็น ทรายจัดให้ใช้กาบมะพร้าวก้นหลุม โดยวางกาบมะพร้าวในด้านที่มีเส้นใยหงายขึ้นข้าง บนวางซ้อนกัน ๒-๓ ชั้น เพื่อช่วยเก็บความชื้นในดิน

ถ้าไม่มีกาบมะพร้าวจะใช้วัสดุอื่น เช่น ฟางข้าว ใบไม้แห้ง หญ้าแห้ง ฯลฯ แทนก็ได้ ใส่ดินบนที่ผสมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักในอัตรา ๑:๗ รองก้นหลุมส่วนดินล่างผสมด้วยปุ๋ยฟอสเฟตหลุมละครึ่งกิโลกรัม (ประมาณ ๒กระป๋องนม) เอาดินใส่ลงในหลุมให้เต็ม ทิ้งไว้จนถึงฤดูปลูก


เมื่อขุดหลุมปลูกแล้ว ควรวางลูกมะพร้าวในลักษณะเอียง 45 องศา ปลูกแบบขวางตะวัน เพราะจะทำให้ได้รับแสงแดดตลอดเวลา กลบดินอย่างน้อย 2 ใน 3 ของผล ระวังอย่าให้ดินทับโคนหน่อ เพราะจะทำให้หน่อถูกรัด ต้นจะโตช้า แต่เมื่อมะพร้าวโตขึ้นแล้วก็ควรจะกลบดินให้สูงขึ้น เพื่อป้องกันโคนลอย ทั้งนี้ มะพร้าวใช้เวลาปลูก 30 เดือน หลังจากลงหลุม จึงจะเก็บผลผลิตได้


ระยะปลูกที่เหมาะสม 
คือ ระยะระหว่างต้น x ระยะระหว่างแถว เท่ากับ 6x6 เมตร


วิธีการใส่ปุ๋ยมะพร้าวน้ำหอม :

แม้ว่ามะพร้าวเป็นพืชที่สามารถปลูกได้ในสภาพดินแทบทุกชนิด แต่ปริมาณผลผลิตนั้นขึ้นอยู่กับปริมาณธาตุอาหาร และสภาพความอุดมสมบูรณ์ของดิน สภาพความเป็นกรดเป็นด่างของดินที่เหมาะแก่การ ปลูกมะพร้าวควรอยู่ในช่วงระหว่าง pH ๖-๗


การใส่ปุ๋ยให้พอเหมาะแก่ความต้องการ ของมะพร้าวนั้น ควรนำตัวอย่างดินไปวิเคราะห์ในห้องปฏิบัติการด้วย

ใช้ปุ๋ยคอกจากขี้ไก่แกลบ ทั้งนี้ เพราะมีซิลิกอน ใช้จำนวน 2 กระสอบ ต่อต้น ต่อปี ใส่ทุก 6 เดือน หรือปีละ 2 ครั้ง ใส่แล้วรดน้ำตาม ใช้เกลือร่วมด้วยในปริมาณ 1.5 กิโลกรัม ต่อต้น ต่อปี ใส่ 2 ครั้ง ส่วนปุ๋ยวิทยาศาสตร์ใส่ด้วยทุก 3 เดือน ในปริมาณ 0.5 กิโลกรัม ใช้สูตร 16-16-16


จากการศึกษาพบว่า รากมะพร้าวที่สามารถใช้ประโยชน์จากปุ๋ยได้ดีจะอยู่บริเวณติดกับลำต้นและอยู่ ห่างจากลำต้นภายในรัศมี ๒ เมตร ดังนั้นการใส่ปุ๋ยตั้งแต่โคนต้นไปจนถึง ๒ เมตรโดยรอบ แต่ถ้าเป็นมะพร้าวที่ยังเล็กอยู่ควรหว่านปุ๋ยใกล้โคน มะพร้าวเพราะ รากยังน้อย หลังจากหว่านปุ๋ยแล้วควรพิจารณาดินตื้น ๆ ลึกประมาณ ๑๐ – ๑๕ เซนติเมตร เพื่อให้ปุ๋ยได้คลุกเคล้ากับดินและป้องกัน การชะล้าง


มะพร้าวให้ผลผลิตตอนอายุกี่ปี?

หลังจากปลูกมะพร้าวไปได้ 3 ปี มะพร้าวก็จะเริ่มออกผลแล้ว ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับความสมบูรณ์ของมะพร้าวด้วย อีกทั้งมะพร้าวน้ำหอมเป็นพืชที่ต้องการปุ๋ย ฉะนั้นจึงจำเป็นจะต้องใส่ปุ๋ยบำรุงมะพร้าวด้วย หลังจากที่มะพร้าวออกดอกจนติดลูกแล้ว ก็รอเวลาอีก 7 เดือน สามารถเก็บมะพร้าวได้ เพราะเป็นช่วงเวลาที่มะพร้าวมีคุณภาพ หอมหวานมากที่สุด


ใครสนใจอยากปลูกมะพร้าวน้ำหอมไว้ทานเองที่บ้าน หรือมีพื้นที่อยากปลูกขาย ลองทำตามเทคนิคด้านบนดูนะคะ น่าสนใจไม่น้อยเลยทีเดียว


loading...
Credit : lookmhee
โอ้โห! เหลือเชื่อ พบหนอนผีเสื้อกลางคืนกินพลาสติกได้
หนอนผีเสื้อกลางคืน Galleria mellonella ในจานเพาะเชื้อ /CÉSAR HERNÁNDEZ/CSIC
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยเคมบริดจ์ของสหราชอาณาจักร พบว่าหนอนตัวอ่อนของผีเสื้อกลางคืน Galleria mellonella ซึ่งปกติจะกินขี้ผึ้งในรังผึ้งเป็นอาหาร สามารถกัดกินและย่อยสลายพลาสติกได้ โดยกลไกการย่อยสลายทางชีวภาพที่น่าอัศจรรย์ของหนอนผีเสื้อกลางคืนชนิดนี้ สามารถนำไปแก้ปัญหาขยะพลาสติกล้นเกินและสร้างมลภาวะให้กับโลกได้

loading...
มีการเผยแพร่การค้นพบดังกล่าวในวารสาร Current Biology โดยดร. เปาโล บอมเบลลี เป็นผู้พบว่าระบบย่อยอาหารของหนอนผีเสื้อกลางคืนชนิดนี้ สามารถสลายพันธะเคมีของพลาสติกในแบบเดียวกับที่ย่อยสลายขี้ผึ้งได้ โดยสามารถกัดกินถุงพลาสติกจนเป็นรูเล็กๆ หลายแห่งภายในเวลาไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง
อย่างไรก็ตาม นักวิจัยยังคงไม่ทราบชัดว่ากระบวนการย่อยสลายทางชีวภาพนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร แต่สันนิษฐานว่าเชื้อจุลินทรีย์ที่อาศัยอยู่ในตัวหนอน หรือแม้กระทั่งความพิเศษของโครงสร้างร่างกายตัวหนอนเอง น่าจะมีส่วนทำให้ย่อยสลายพลาสติกได้ ซึ่งนักวิจัยจะได้ศึกษาค้นคว้ารายละเอียดในส่วนนี้ต่อไป

สภาพถุงพลาสติกที่หนอนผีเสื้อกลางคืน 10 ตัวกัดกิน และทำให้เกิดการย่อยสลายทางชีวภาพได้ภายในเวลา 30 นาที/CSIC COMMUNICATIONS DEPARTMENT

ทั้งนี้ ดร.บอมเบลลี และ ดร.เฟเดริกา เบอร์ทอคชินี ผู้ร่วมทีมวิจัย ได้ร่วมกันจดสิทธิบัตรการค้นพบนี้ไว้แล้ว โดยหากสามารถไขความลับทางเคมีที่หนอนผีเสื้อกลางคืนชนิดนี้ใช้ย่อยสลายพลาสติกได้ คาดว่าความรู้ดังกล่าวจะมีศักยภาพสูงในการนำไปแก้ปัญหาขยะพลาสติกล้นโลก โดยเฉพาะอย่างยิ่งพลาสติกประเภทโพลีเอทิลีน ซึ่งมีการผลิตกันถึง 80 ล้านตันต่อปีทั่วโลก และกลายมาเป็นขยะปริมาณมหาศาลที่ต้องใช้เวลาหลายร้อยปีในการสลายตัวให้ได้อย่างสมบูรณ์

loading...
loading...
Credit : bbcthai

วันอาทิตย์ที่ 30 เมษายน พ.ศ. 2560

30 องค์กรสื่อฯ รวมพลังต้านร่างกฎหมายควบคุมสื่อ
Thai Journalists Association
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 30 องค์กรออกแถลงการณ์ร่วมแสดงการคัดค้านร่างกฎหมายคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ชี้จะไม่ยอมให้อำนาจรัฐแทรกแซงเสรีภาพสื่อ และการรับรู้ข่าวสารของประชาชน พร้อมเตรียมเคลื่อนไหวคัดค้านจนถึงที่สุด

loading...
นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะประธานคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป กล่าวแถลงการณ์ร่วมขององค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน ต่อกรณีที่สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ (สปท.) โดยคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนประเทศด้านการสื่อสารมวลชนฯ ได้ดำเนินการยกร่างกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน ได้แก่ ร่างพระราชบัญญัติคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชนพ.ศ. ...เพื่อเสนอให้ สปท.รับรองและส่งให้คณะรัฐมนตรีและสภานิติบัญญัติแห่งชาติต่อไปนั้น
Thai Journalists Association
องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 30 องค์กร อาทิ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย และสมาคมผู้ผลิตข่าวออนไลน์ ได้ประชุมหารือร่วมกันและมีความเห็นดังต่อไปนี้

1) ร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรม และมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ. ... ดังกล่าว มิได้อยู่บนพื้นฐานหลักการของการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของผู้ประกอบวิชาชีพสื่อมวลชน แต่กลับเน้นหลักการควบคุมสื่อมวลชนโดยใช้อำนาจรัฐเข้ามาแทรกแซงการทำหน้าที่โดยอิสระของสื่อมวลชน และไม่สอดคล้องกับหลักการของร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ฉบับที่ผ่านการลงประชามติ ซึ่งมีเจตนารมณ์ให้สื่อมวลชนกำกับดูแลกันเองโดยอิสระและปราศจากการแทรกแซงจากภาครัฐ ทั้งนี้ จะมีผลกระทบโดยตรงต่อบทบาทของสื่อมวลชนในการตรวจสอบอำนาจรัฐและเป็นการปิดกั้นเสรีภาพในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารของประชาชน

2) สปท. ต้องยกเลิกการพิจารณาร่างกฎหมายของคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชน โดยให้กลับไปทบทวนความจำเป็นในการออกกฎหมายดังกล่าว

3) หาก สปท.เดินหน้ารับรองร่างพระราชบัญญัตินี้โดยไม่ฟังเสียงทักท้วง องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนทั่วประเทศจะยกระดับมาตรการในการคัดค้านร่างกฎหมายนี้ต่อไปจนถึงที่สุด

4) ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชนได้พัฒนาระบบการกำกับดูแลกันเองด้านจริยธรรมให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เพื่อยกระดับความรับผิดชอบของสื่อมวลชนและตอบสนองความเปลี่ยนแปลงของสังคม รวมทั้งมุ่งมั่นที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ต่อไป

loading...
loading...
Credit : BBCTHAI

วันพฤหัสบดีที่ 20 เมษายน พ.ศ. 2560

เฟซบุ๊ก เผยแผนพัฒนาเทคโนโลยีใช้สมองสั่งการคอมพิวเตอร์
"โอคูลัส" อุปกรณ์ฉายภาพเสมือนจริง ถูกนำมาจัดแสดงในการประชุม /REUTERS

ซอฟต์แวร์ควบคุมการใช้งานคอมพิวเตอร์แบบไม่ต้องพูดออกคำสั่งที่เฟซบุ๊กกำลังพัฒนานี้ จะช่วยให้มนุษย์สามารถพิมพ์ข้อความได้ 100 คำต่อนาที โดยยังเป็นโครงการที่ยังอยู่ในขั้นริเริ่ม และต้องอาศัยเทคโนโลยีใหม่ในการตรวจจับคลื่นสมอง โดยไม่ต้องผ่าตัดฝังอุปกรณ์

loading...
แนวคิดนี้ถูกเปิดเผยในที่ประชุมผู้พัฒนาเทคโนโลยีของเฟซบุ๊ก ซึ่งจัดที่เมืองซาน โฮเซ ในรัฐแคลิฟอร์เนีย สหรัฐอเมริกา นางเรจีนา ดูแกน หัวหน้าแผนกห้องปฏิบัติการค้นคว้าวิจัยฮาร์ดแวร์ของเฟซบุ๊ก กล่าวว่า เทคโนโลยีที่กำพัฒนานี้ไม่ได้ถอดรหัสความคิดของผู้ใช้ แต่เป็นการถอดรหัส "คำพูด" ซึ่งเป็นการใช้งานแบบไม่ต้องพูดออกคำสั่ง แต่ให้ความรวดเร็วและยืดหยุ่นเหมือนการใช้เสียงสั่งงาน ทางบริษัทมีแผนจะสร้างทั้งฮาร์ดแวร์และซอฟต์แวร์ขึ้นมาสำหรับเป้าหมายนี้ โดยจ้างทีมงานนักวิทยาศาสตร์และนักวิชาการรวม 60 คน

เครื่องตรวจจับแบบใหม่นี้สามารถวัดค่าการทำงานของสมองเป็นหลายร้อยครั้งต่อวินาที โดยไม่ต้องผ่าตัดฝังอุปกรณ์ และจะมีความเที่ยงตรงถึงระดับมิลลิเมตร ซึ่งทุกวันนี้ยังไม่มีวิธีประมวลภาพในลักษณะนี้

ขณะที่นายมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก โพสต์บนเฟซบุ๊กว่า กำลังพัฒนาระบบที่จะช่วยให้ผู้ใช้งานพิมพ์ข้อความได้โดยตรงจากสมอง ซึ่งเร็วกว่าการพิมพ์บนแป้นโทรศัพท์ทุกวันนี้ประมาณ 5 เท่า

"สมองของมนุษย์เรา ผลิตข้อมูลได้มากพอ เทียบเท่ากับการสตรีมภาพยนตร์ความละเอียดสูง 4 เรื่อง ทุก ๆ วินาที' แต่ 'ปัญหาคือ วิธีการนำข้อมูลนั้นออกมาสู่โลก ผ่านคำพูด สามารถส่งข้อมูลได้ด้วยความเร็วเท่ากับโมเด็มจากยุค 1980 เท่านั้น"

มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก เผยว่าสมองของมนุษย์ผลิตข้อมูลได้มากพอ เทียบเท่าการสตรีมภาพยนตร์ความละเอียดสูง 4 เรื่อง ในทุกๆ วินาที /GETTY IMAGES

เฟซบุ๊กยังมีแผนจะนำเทคโนโลยีนี้ ไปผลิตต่อเป็นเทคโนโลยีเพื่อการสวมใส่ ซึ่งสามารถผลิตในระดับอุตสาหกรรมได้ แม้จะเป็นแค่การใช้สมองคลิ๊กตอบ ใช่หรือไม่ใช่ ก็จะช่วยให้ผู้ใช้รู้สึกว่าเทคโนโลยีที่ถูกนำมาใช้เป็นธรรมชาติมากขึ้น

แนวคิดอื่นที่มีการเปิดเผยในที่ประชุมครั้งนี้ ยังมีโครงการที่ช่วยให้มนุษย์ฟังผ่านผิวหนังได้ ผ่านระบบที่ใกล้เคียงกับอักษรเบรลล์ ที่ใช้จุดกดบนผิวหนังเพื่อส่งผ่านข้อมูล นอกจากนี้ยังวาดภาพเทคโนโลยีที่ก้าวหน้าไปไกลกว่าทุกสิ่งที่เป็นไปได้ในปัจจุบัน เพราะเทคโนโลยีที่ใช้สมองควบคุมการทำงานซึ่งซับซ้อน ยังจำเป็นต้องอาศัยการผ่าตัดฝังชิพคอมพิวเตอร์ในสมอง ซึ่งเฟซบุ๊กยอมรับว่ายังเป็นไปไม่ได้ที่จะผลิตเพื่อการใช้ในระดับอุตสาหกรรม

"ในวันหนึ่งข้างหน้า อาจจะเป็นไปได้ที่ฉันจะคิดเป็นภาษาจีนกลาง และคุณสามารถรู้สึกได้ทันทีเป็นภาษาสเปน" หัวหน้าแผนกวิจัยเฟซบุ๊ก ระบุ

loading...
loading...
Credit : bbcthai
เจ้าชายวิลเลียมรณรงค์ให้คนอังกฤษพูดระบายความในใจ
ดยุคและดัชเชสแห่งเคมบริดจ์ พร้อมด้วยเจ้าชายจอร์จ พระโอรส และเจ้าหญิงชาร์ล็อตต์ พระธิดา /GETTY IMAGES


loading...
ดยุคแห่งเคมบริดจ์ชี้ นิสัยทำหน้านิ่งสนิทไม่เผยอารมณ์ความรู้สึกแบบอังกฤษ เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิต เสี่ยงนำไปสู่การฆ่าตัวตาย

ดยุคแห่งเคมบริดจ์ รัชทายาทลำดับที่สองของราชวงศ์อังกฤษ ตรัสรณรงค์ให้ผู้คนเลิกนิสัยแสร้งทำหน้านิ่งเฉย ไม่เปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกแบบอังกฤษ เพราะการไม่พูดคุยระบายความในใจของตนออกไปเสียบ้างนั้น เป็นอันตรายต่อสุขภาพจิต และอาจนำไปสู่การฆ่าตัวตาย ซึ่งเป็นสาเหตุการตายอันดับหนึ่งของประชากรชายอายุต่ำกว่า 45 ปี ในสหราชอาณาจักร

ดยุคแห่งเคมบริดจ์ประทานสัมภาษณ์แก่วารสารที่จัดพิมพ์เป็นพิเศษโดยองค์กรการกุศล CALM ซึ่งรณรงค์ป้องกันการฆ่าตัวตายในกลุ่มผู้ชายว่า การที่ได้ทรงงานเป็นนักบินประจำเฮลิคอปเตอร์พยาบาล ทำให้ได้พบเห็นเหตุการณ์น่าเศร้าหลายครั้ง และแม้การทำตัวนิ่งเก็บอารมณ์นั้นจะเป็นเรื่องเหมาะสมในบางโอกาส แต่ไม่ควรปล่อยให้พฤติกรรมเช่นนี้มาบั่นทอนสุขภาพจิตของตนเอง


  • เจ้าชายแฮร์รีเผยเคยพบจิตแพทย์เรื่องพระมารดา


ดยุคแห่งเคมบริดจ์ทรงยกตัวอย่างของศิลปินฮิป-ฮอป Stromzy ที่เพิ่งออกมาเปิดเผยถึงอาการซึมเศร้าของตนเองว่า เป็นแบบอย่างที่ดีในการทำให้คนหนุ่มจำนวนมากได้เห็นว่า การเปิดเผยถึงอาการป่วยทางใจของตนนั้นคือความเข้มแข็ง รวมทั้งเป็นการเตือนให้ดูแลรักษาสุขภาพจิตของตนเองเช่นเดียวกับสุขภาพกายด้วย

ดยุคแห่งเคมบริดจ์ยังตรัสว่า พระองค์และพระชายาปรารถนาให้พระโอรสและพระธิดาได้เติบโตขึ้นโดยสามารถเปิดเผยอารมณ์ความรู้สึกของตนได้เสมอ โดยก่อนหน้านี้พระองค์เป็นผู้ให้กำลังใจและส่งเสริมให้เจ้าชายแฮร์รี พระอนุชา ทรงเปิดเผยถึงการเก็บงำความเศร้าจากการสูญเสียพระมารดามา 20 ปี และเสด็จไปพบจิตแพทย์เพื่อจัดการกับสิ่งที่คั่งค้างในพระทัยดังกล่าว

นางเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีของสหราชอาณาจักร กล่าวยกย่องเจ้าชายแฮร์รีว่าทรงกล้าหาญที่เปิดเผยเรื่องส่วนพระองค์ต่อสาธารณชน ซึ่งได้ช่วยลบล้างทัศนคติในทางลบของผู้คนต่อการพบจิตแพทย์ และการพูดคุยอย่างเปิดเผยถึงปัญหาสุขภาพจิต ทั้งยังช่วยให้ผู้คนจำนวนมหาศาลได้รู้ว่า ไม่ได้มีเพียงแค่ตนเองเท่านั้นที่ประสบปัญหาเช่นนี้

loading...
loading...
Credit : bbcthai
สุดล้ำ! 3 นักศึกษาคิดค้น “โอ้โฮ” น้ำดื่มไร้ขวด ลดการใช้พลาสติก
REUTERS/Hannah McKay


นักศึกษา 3 คนจากอิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ได้แนวความคิดเรื่องการเปลี่ยนขวดบรรจุน้ำพลาสติกให้เป็นวัสดุแบบใหม่ มาตั้งแต่ร่วมกันทำโครงงานในสถานศึกษา และประสบความสำเร็จในการคิดค้นขวดบรรจุน้ำแบบใหม่ด้วยการหันเข้าหาวัสดุในธรรมชาติ มาทดแทนพลาสติก ที่นับวันจะกลายเป็นขยะที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้นทุกที

loading...
สิ่งที่พวกเขาคิดค้นขึ้นมาได้คือ “โอ้โฮ” (Ooho) น้ำดื่มที่บรรจุอยู่ในเนื้อเยื่อใส ไร้สี ไร้กลิ่น สามารถกินเข้าไปพร้อมกับน้ำก็ได้ หรือ จะคายทิ้งก็ไม่เป็นปัญหา เพราะเนื้อเยื่อที่เป็นภาชนะบรรจุน้ำดังกล่าวสามารถย่อยสลายไปเป็นส่วนหนึ่งของธรรมชาติภายใน 6 สัปดาห์ ทั้ง 3 ออกมาก่อตั้งบริษัทสตาร์ทอัพชื่อ สคิปปิง ร็อคส์ แล็บ ใช้เวลาในการระดมทุนและพัฒนากระบวนการผลิต “โอ้โฮ” อยู่นาน 2 ปีเศษ ก็สามารถระดมทุนและพัฒนาระบบการผลิตจนสามารถผลิตในเชิงพาณิชย์ได้แล้วในตอนนี้

REUTERS/Hannah McKay
“โอ้โฮ” เป็นน้ำดื่มบรรจุในภาชนะทรงกลม ซึ่งผลิตจากวัสดุชีวภาพเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม เทียบได้กับเปลือกผลไม้สักอย่างหนึ่ง ตัวเนื้อเยื่อดังกล่าวเป็นเนื้อเยื่อชีวภาพประกอบด้วย “โซเดียม อัลจิเนท” กับ “แคลเซียม คลอไรด์” ซึ่งเป็นส่วนผสมที่สกัดได้จากสาหร่ายทะเลเป็นหลัก ปิแอร์ ปาสลิเยร์ หนึ่งในผู้ร่วมก่อตั้ง “สคิปปิง ร็อคส์ แล็บ” ระบุว่า เนื่องจากวัสดุที่ใช้มาจากสิ่งมีชีวิต ดังนั้นตัวเนื้อเยื่อดังกล่าวจึงกินได้ และสามารถแต่งสี แต่งกลิ่นและรสชาดให้ชวนกินได้อีกด้วย

สคิปปิง ร็อคส์ แล็บ ระบุว่า การออกแบบภาชนะเมมเบรนดังกล่าวให้เป็นทรงกลมเพื่อให้เหมาะกับการบรรจุและขนย้าย ทั้งยังสามารถเพิ่มขยายปริมาณของน้ำได้ตามความต้องการ เมื่อเทียบกับขวดน้ำพลาสติก นอกจากจะกินได้และไม่หลงเหลือเป็นขยะพิษในสิ่งแวดล้อมแล้ว “โอ้โฮ” ยังมีต้นทุนการผลิตถูกกว่าขวดพลาสติก กระบวนการผลิตก่อให้เกิดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์น้อยกว่ากระบวนการผลิตขวดพลาสติกถึง 5 เท่า และสิ นเปลืองพลังงานน้อยกว่าถึง 9 เท่าอีกด้วย วิธีการผลิต “โอ้โฮ” ก็คือการนำน้ำดื่มที่อยู่ในสภาพของน้ำแข็งทรงกลมในปริมาตรที่ต้องการมาจุ่มลงในภาชนะให้เนื้อเยื่อในภาชนะเคลือบผิวน้ำแข็งทั้งหมด ปล่อยให้น้ำภายในละลายก็จะได้ “โอ้โฮ” น้ำดื่มที่ไม่ต้องใส่ขวดพลาสติกอีกต่อไป

REUTERS/Hannah McKay

สคิปปิง ร็อคส์ แล็บ ทำการตลาดมุ่งจำหน่ายในงานเทศกาลกลางแจ้งต่างๆ, ร้านกาแฟ หรือในงานแข่งขันกีฬาอย่างเช่นการวิ่งมาราธอน ซึ่งปกติจะเป็นแหล่งที่บริโภคน้ำในขวดพลาสติกเป็นจำนวนมากอยู่ก่อนแล้ว

และถึงแม้จะมีข้อจำกัดจนไม่สามารถนำมาใช้ทดแทนขวดน้ำพลาสติกได้ 100 เปอร์เซ็นต์ อย่างเช่น ก้อนโอ้โฮ ไม่สามารถโยนลงเป้เพื่อพกพาไปไหนมาไหนได้ เพราะความนิ่มและเปราะบาง

แต่ “โอ้โฮ” ก็น่าจะช่วยลดปริมาณการใช้ขวดพลาสติกลงได้มาก ถ้าหากนำมาใช้ในสถานการณ์ที่เหมาะสมและเป็นไปได้


loading...
loading...
Credit : matichon
เหลือเชื่อ! ยิ่งกว่าละครทีวี! พ่อหาย 16 ปี ลูกมาทำบุญเจอบวชเป็นพระ

สาวพลัดพรากพ่อนาน 16 ปี มาทำบุญวันครอบครัวกับแม่ เจอบวชเป็นพระมารับบิณฑบาตร ก่อนกลับอินเดีย

เรื่องราวสุดเหลือเชื่อรายนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 18 เม.ย. ผู้สื่อข่าวได้พบกับเฟสบุ๊คของ Mika Okz ‘Porz ระบุเรื่องราวเกี่ยวกับการพลัดพรากจากพ่อของตนเองไปนาน 16 ปี โดยไปทำบุญที่วัดสวรรณภูมิ แถวลาดกระบัง กทม. กับแม่และน้อง ปรากฏว่าได้พบกับพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งมองตนอยู่ ในที่สุดก็เข้าไปสอบถามจนทราบว่าเป็นพ่อของตนเองที่หายไปนานกว่า 16 ปี ซึ่งพระภิกษุรูปดังกล่าวเชื่อว่าเป็นเรื่องของบุญวาสนา ที่ตนเองต้องเดินทางไปจำวัดที่อินเดีย โดยก่อนที่จะมาพบลูกสาวเกิดตกเครื่องทำให้ต้องเปลี่ยนเที่ยวบิน และมาจำวัดสุวรรณภูมิ จนมาพบกับลูกสาว ทั้งที่จากเมื่อ 16 ปีที่แล้วที่ จ.เพชรบูรณ์ แต่มาเจอกันที่นี่ได้

        ต่อมาผู้สื่อข่าวเดินทางไปติดตามจนพบเจ้าของเฟสบุ๊ค Mika Okz ‘Porz คือ น.ส.เปมิกา ชัยกุลเทวินทร หรือน้องปอ อายุ 23 ปี บ้านอยู่ 72/ 8 ต.ประตูชัย อ.พระนครศรีอยุธยา เป็นพนักงานศูนย์จำหน่ายมือถือ เปิดเผยว่า พ่อของตนชื่อนายอุทัย สายบุญ อายุ 61 ปี แยกทางกับแม่ของตนเมื่อตอนที่ตนอายุ 4 ขวบ ตอนนั้นอยู่ที่ อ.บ้านกลาง จ.เพชรบูรณ์ และยังจำได้ว่าเมื่อตอนที่ตนอายุ 8 ขวบยังพบพ่อบวชเป็นพระอยู่ที่วัดสว่าง อ.บ้านกลาง จ.เพชรบูรณ์ โดยพ่อบอกว่าต้องการที่จะศึกษาเรื่องธรรมะ จากนั้นพ่อก็หายออกไปจากวัด ไม่มีใครทราบว่าพ่อหายไปอยู่วัดไหน ตนสอบถามแม่ก็ไม่ทราบ และบอกว่าคงไม่มีโอกาสพบกันแล้ว จนกระทั่งตนและแม่คือนางอามีนา เพชรสัมฤทธิ์ ย้ายมาอยู่กรุงเทพ เพื่อให้ตนเรียนหนังสือจนอายุ 18 ปี ก็ไปหางานทำที่ จ.พระนครศรีอยุธยา แต่ก็ยังนึกถึงพ่อตลอด พยายามไปทำบุญตามวัดต่างๆ เผื่อจะได้พบกับพ่อ แต่ก็ไม่มีวีแววว่าจะพบ

        จนกระทั่งเมื่อเช้าวันที่ 14 เม.ย.ซึ่งเป็นวันครอบครัวตนและแม่พร้อมด้วยน้องและหลานๆไปทำบุญที่วัดสุวรรณภูมิพุทธชยันตี ปากซอย 54 ซอยวัดหัวคู้ ลาดกระบัง กทม ปรากฏว่าขณะนั่งทำบุญใส่บาตรอยู่นั้น มีพระภิกษุรูปหนึ่งนั่งจ้องมองมาที่ตนและน้องสาวอยู่นาน จนกระทั่งแม่สังเกตเห็น และถามตนว่าอยากเจอพ่อมั้ย ตนก็ตกใจ แม่ก็บอกว่าพระองค์นั้นคือพ่อของลูก ตนถึงกับน้ำตาไหลออกมาด้วยความดีใจ เมื่อทำบุญเสร็จจึงพากันเข้าไปกราบ

        น้องปอ บอกว่า พ่อบอกว่าพ่อสอบได้เปรียญ 9 ประโยค และได้ไปจำพรรษาที่วัดไทยพุทธคายา ประเทศอินเดีย หลายปีแล้ว มาติดต่อเรื่องเกี่ยวกับการเข้ารับพระราชทานเปรียญธรรม ก่อนหน้าที่จะมาพบกับลูกสาว กำลังจะไปขึ้นเครื่องกลับในวันที่ 13 เม.ย.ปรากฎว่าตกเครื่องทำให้ต้องเปลี่ยนเที่ยวบิน จึงมาขอจำวัดสุวรรณภูมิ เพื่อที่จะเดินทางในช่วงกลางคืนไปยังประเทศอินเดีย ตอนเช้าจึงออกมาร่วมรับบิณฑบาตร ไม่คิดว่าจะพบกับลูกสาว เชื่อว่าเป็นเหตุและผลที่ทำให้ตนต้องตกเครื่องบิน เพื่อมารอพบลูกสาว

         น้องปอ ยังบอกว่า ตนได้ไปส่งพ่อที่สนามบินสุวรรณภูมิ พ่อยังบอกว่าตอนนี้หมดห่วงแล้ว ต้องการที่จะรับใช้พระศาสนา ได้พบกับลูกสาวแล้วต่อไปจะมาจำวัดที่วัดสุวรรณภูมิ และก่อนหน้านี้ก็เคยคิดจะไปตามหาลูกที่ จ.เพชรบูรณ์ โดยได้ทำคัทเอ้าท์ประกาศตามหาด้วย แต่คงไม่ต้องตามแล้ว และเชื่อว่านี่คือกรรมดีที่ลูกและพ่อได้ทำร่วมกัน มาพบกันในที่สุด รวมเวลาที่ไม่ได้เจอนาน 16 ปี

loading...
loading...
Credit : komchadluek

วันอังคารที่ 18 เมษายน พ.ศ. 2560

"ทบ.สหรัฐฯ จะเริ่มทำการแจกจ่ายเครื่องสนามน้ำหนักเบารุ่นใหม่ให้แก่กำลังพล ภายในปี 2018"

The Army’s new Soldier Protection System includes a new vest and an Army combat shirt with built-in protection pieces.
Photo Credit: Alan Lessig / Staff 

 "ทบ.สหรัฐฯ จะเริ่มทำการแจกจ่ายเครื่องสนามน้ำหนักเบารุ่นใหม่ให้แก่กำลังพล ภายในปี 2018"

กองทัพบกสหรัฐฯ มีความพยายามที่จะให้กำลังพลได้พกพาอุปกรณ์หรือเครื่องสนามน้ำหนักเบา เพื่อลดภาระในสนามรบ ตามคำติชมและเรียกร้องของกำลังพล อีกทั้งยังเป็นการทดแทนเครื่องสนามรุ่นเก่า ๆ ที่ล้าสมัย

โดยจะเริ่มทำการแจกจ่ายอุปกรณ์น้ำหนักเบาเหล่านี้ตั้งแต่ ปี ค.ศ.2018 จนถึง 2021

ซึ่งเครื่องสนามดังกล่าวนั้นมีตั้งแต่ระบบหมวกป้องกันศรีษะล้ำยุค ที่ดูคล้ายกับหมวกนิรภัยจักรยานยนต์ เสื้อเกราะและคอมแบ็ทสูทรุ่นใหม่ หรือ แว่นตากันสะเก็ด และหน้ากากรบ ที่สามารถปรับเปลี่ยนแสงในการมองเห็นให้เป็น (มืด-สว่าง) ได้

โดยอุปกรณ์เหล่านี้ได้ถูกวิจัยและพัฒนาขึ้น ภายใต้แผนโครงการ Executive Office Soldier (PEOS) ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในโครงการ new Soldier Protection Systems ของ สำนักงานโครงการพัฒนาและวิจัยขั้นสูงกระทรวงกลาโหมสหรัฐฯ หรือ (DARPA) ณ ฟอร์ต เบลเวอร์ , มลรัฐเวอร์จิเนีย



Soldiers can also wear the new blast pelvic protection system, which is worn over the combat pants, to protect their thighs and groin. Photo Credit: Alan Lessig / Staff 

The new Integrated Head Protection System can be tailored to fit a soldier’s needs. For example, the full face mask likely will be used mostly by vehicle gunners. Photo Credit: Alan Lessig / Staff 

The new sunglasses and goggles have lenses that can transition from clear to dark with the push of a button. Photo Credit: Alan Lessig / Staff
loading...
loading...
ที่มา : armytimes

วันจันทร์ที่ 17 เมษายน พ.ศ. 2560

บริษัทรถบรรทุกจีนประสบความสำเร็จทดสอบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติ

ไม่ได้เพียงแต่บริษัทอินเทอร์เน็ตอย่าง Baidu และ Tencent ที่กำลังพัฒนารถไร้คนขับเสียแล้ว เมื่อบริษัท FAW Jiefang บริษัทผลิตรถบรรทุกสัญชาติจีนล่าสุดประสบความสำเร็จในการทดสอบระบบขับเคลื่อนอัตโนมัติบนรถบรรทุกแล้ว

เบื้องต้นรถบรรทุกไร้คนขับของ FAW Jiefang สามารถตรวจจับสิ่งกีดขวางและขับเลี่ยง ตรวจจับไฟจราจร มีระบบควบคุมระยะไกล (remote command) รวมถึงระบบ ACC (adaptive cruise control) ที่ขับตามรถคันหน้าโดยตัวรถเร่งและลดความเร็วตามรถคันข้างหน้าอัตโนมัติ

ผู้จัดการทั่วไปของ FAW Jiefang เผยว่าบริษัทมีแผนจะจำหน่ายรถบรรทุกไร้คนขับอย่างเร็วที่สุดปีหน้า โดย ณ ตอนนี้บริษัทมีพาร์ทเนอร์กับบริษัทอื่นในอุตสาหกรรม สำหรับทั้งการพัฒนา ผลิต ขายและให้บริการตัวรถบรรทุกไร้คนขับแล้ว ซึ่งความร่วมมือนี้จะช่วยเร่งความก้าวหน้าของเทคโนโลยีบนรถบรรทุกในจีนได้มากยิ่งขึ้น

loading...
loading...
Credit : blognone
Facebook เผยแบนบัญชีสแปมไปแล้วกว่า 3 หมื่นบัญชีในรอบ 6 เดือน

หนึ่งในสาเหตุปัญหาข่าวปลอมบน Facebook คือบัญชีสแปม โดย Facebook เผยว่าได้ตรวจสอบบัญชีสแปมที่มีคนติดตามกดไลค์มากกว่า 1 แสนคน และมีพฤติกรรมเผยแพร่เนื้อหาคุณภาพต่ำ และสามารถระงับบัญชีสแปมไปแล้วกว่า 3 หมื่นบัญชีภายในช่วง 6 เดือนที่ผ่านมา

การสร้างบัญชีปลอมหรือบัญชีไม่มีตัวตนใน Facebook ทำได้ยากกว่าแต่ก่อน เพราะต้องยืนยันเบอร์โทรศัพท์หรือข้อมูลระบุตัวตนอื่นๆ แต่บัญชีสแปมมีวิธีหลบเลี่ยง เปลี่ยนเส้นทางการรับส่งข้อมูลผ่าน proxy ที่สามารถปลอมแปลงตำแหน่งได้ โดยบัญชีที่สแปมที่พบเป็นบัญชีจากประเทศบังกลาเทศ ซาอุดิอาระเบีย อินโดนีเซีย เป็นต้น

loading...
loading...
Credit : blognone

วันศุกร์ที่ 14 เมษายน พ.ศ. 2560

ทำความรู้จัก "เจ้าแม่แห่งระเบิด" ของสหรัฐฯ

เพนตากอนทิ้งระเบิด "จีบียู-43/บี" หรือ "เจ้าแม่แห่งระเบิด" โจมตีกลุ่มไอเอสในภาคตะวันออกของอัฟกานิสถาน ซึ่งระเบิดดังกล่าวถือเป็นระเบิดที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุด

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานจากกรุงวอชิงตัน ประเทศสหรัฐอเมริกา เมื่อวันที่ 13 เม.ย. ว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวยกย่องแสนยานุภาพและประสิทธิภาพทางทหารของกองทัพสหรัฐว่า "ยอดเยี่ยมที่สุดในโลก" หลังออกคำสั่งให้เพนตากอนทิ้งระเบิดจีบียู-43/บี หรือที่มีอีกชื่อหนึ่งว่า "เจ้าแม่แห่งระเบิด"  หรือ "Mother Of All Bombs" ( เอ็มโอเอบี )  โจมตีอุโมงค์ซึ่งเป็นฐานที่มั่นของกลุ่มไอเอส ในเขตอาชิน ของจังหวัดนานการ์ฮาร์ ทางตะวันออกของอัฟกานิสถาน เมื่อช่วงค่ำของวันพฤหัสบดีตามเวลาท้องถิ่น ถือเป็นครั้งแรกในประวัติศาตร์ที่กองทัพสหรัฐใช้ระเบิดขนาดใหญ่ที่สุดซึ่งไม่ใช่ระเบิดนิวเคลียร์ในสมรภูมิรบ


ระเบิดจีบียู-43/บี หรือเอ็มโอเอบี จัดอยู่ในประเภทของระเบิดนำวิถี ชื่อที่เรียกแทนว่าเจ้าแม่แห่งระเบิด น่าจะเป็นการเรียกเลียนแบบปฏิบัติการ "เจ้าแม่แห่งทุกสมรภูมิ" ที่ประธานาธิบดีซัมดัม ฮุสเซ็น ใช้เรียกการบุกคูเวต เมื่อปี 2534 นอกจากนี้ การที่ระเบิดจีบียู-43/บี มีน้ำหนักมากกว่า 10,000 กิโลกรัม จึงถือเป็นระเบิดที่ไม่ใช่อาวุธนิวเคลียร์ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดของสหรัฐ และมักมีชื่อเรียกคู่กันว่า "เจ้าแม่ระเบิด" หรือ "โคตรแม่ระเบิด" โดยมีอานุภาพรุนแรงกว่าระเบิ ดทีเอ็นทีบริสุทธิ์น้ำหนัก 11 ตัน ราว 1.35 เท่า ในขอบเขตรัศมีการโจมตีไม่เกิน  1.6 กิโลเมตร



loading...
loading...
Credit : dailynews
ทหารมาเองสั่งห้ามเล่นน้ำ หลังโจ๋กรุงเก่ายิงกันเจ็บ8

ห้าวจนได้เรื่อง! ทหารสั่งห้ามเล่นน้ำสงกรานต์ใน 2 จุดเมืองกรุงเก่า หลังวัยรุ่นก่อเหตุยิงคู่อริเจ็บ 8 ราย 

เมื่อเวลา 21.30 น.วันที่ 13 เม.ย. พ.ต.ท.ธเนศ พลแสงโชติ  สารวัตรเวร (สอบสวน) สภ.พระนครศรีอยุธยา รับแจ้งเหตุยิงกันบริเวณสถานที่จัดงานสงกรานต์ ลานจอดรถด้านข้างศูนย์การค้าอยุธยาซิตี้พาร์ค นำกำลังไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยสมาคมอยุธยารวมใจ ที่เกิดเหตุพบเพียงกองหยดเลือดตกอยู่ที่พื้น ส่วนผู้บาดเจ็บ 4 รายถูกนำตัวส่ง รพ.ราชธานี เบื้องต้นเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าวัยรุ่นกลุ่มนี้น่าจะเป็นแก๊งเดียวกันกับที่ยิงคู่อริบาดเจ็บ 4 รายที่บริเวณถนนอยุธยา-อ่างทอง หน้าพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ซึ่งขณะนี้กำลังโดนตำรวจตามล่าตัวอยู่ แต่หลังเกิดเหตุได้มีทหารเข้ามาตรวจพื้นที่ พร้อมสั่งระงับการจัดกิจกรรมเล่นน้ำวันสงกรานต์ทั้ง 2 จุดในวันต่อไปแล้ว


loading...
loading...

Credit : dailynews

วันพฤหัสบดีที่ 13 เมษายน พ.ศ. 2560

เกาหลีเหนือเตรียมทดสอบอาวุธนิวเคลียร์

สหรัฐฯ เกาหลีใต้ และจีนคาดการณ์ว่า เกาหลีเหนืออาจทดสอบอาวุธนิวเคลียร์หรือขีปนาวุธ เพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวัยเกิดของอดีตผู้นำคิมอิลซุงวันเสาร์นี้ (15 เม.ย.)

องค์กร 38 นอร์ท กลุ่มเฝ้าระวังเกาหลีเหนือในสหรัฐฯเปิดเผยว่า ภาพถ่ายดาวเทียมบ่งชี้ว่า เกาหลีเหนือกำลังเตรียมการทดสอบอาวุธนิวเคลียร์ เพื่อแสดงแสนยานุภาพตอบโต้สหรัฐฯ และเพื่อเฉลิมฉลองวันคล้ายวันเกิดปีที่ 105 ของนายคิมอิลซุง ผู้ก่อตั้งประเทศเกาหลีเหนือ ปู่ของนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน ในวันที่ 15 เมษายนที่จะถึงนี้ อย่างไรก็ตาม โฆษกคณะเสนาธิการร่วมของเกาหลีใต้จะออกมาปฏิเสธว่า ไม่พบความผิดปกติใดในฝั่งเกาหลีเหนือ แต่เกาหลีใต้ก็กำลังจะหารือกับสหรัฐฯเกี่ยวกับการรับมือการโจมตีของเกาหลีเหนือ

ขณะที่จีนก็ออกมาเตือนให้เกาหลีเหนืออยู่ในความสงบ ยุติโครงการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ หากเกาหลีเหนือยังต้องการการคุ้มครองจากจีน แต่ก็ขอให้สหรัฐฯ หาวิธีสันติในการจัดการกับเกาหลีเหนือ เพื่อไม่ให้สถานการณืในคาบสมุทรตึงเครียดไปกว่านี้

สถานการณ์ในคาบสมุทรเกาหลีตึงเครียดขึ้นอย่างต่อเนื่อง หลังจากเกาหลีเหนือทดสอบขีปนาวุธเมื่อสัปดาห์ก่อน ซึ่งสหรัฐฯก็ตอบโต้ด้วยการส่งฝูงเรือรบจากสิงคโปร์ไปประจำการที่คาบสมุทรเกาหลี จึงทำให้เกาหลีเหนือไม่พอใจอย่างมาก และข่มขู่ว่าเกาหลีเหนือจะตอบโต้สหรัฐฯ ด้วยอาวุธ หากสหรัฐฯ เข้าไปรุกรานอำนาจอธิปไตยของเกาหลีเหนือ

loading...
loading...
Cr : voicetv