วันศุกร์ที่ 7 เมษายน พ.ศ. 2560

ซีเรียเผยยอดผู้เสียชีวิตจากการโจมตีของสหรัฐฯ


กองทัพซีเรียเผยว่ามีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 6 รายบริเวณฐานทัพอากาศซึ่งถูกสหรัฐฯ ยิงขีปนาวุธโจมตี และเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นส่งผลกระทบต่อความร่วมมือระหว่างทั้งสองประเทศในการต่อสู้กลุ่มก่อการร้ายด้วย

แถลงการณ์ของซีเรียระบุว่า ตลอดเวลาที่ผ่านมา ซีเรียนับว่าสหรัฐฯ เป็นพันธมิตรที่สำคัญในการต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้าย แต่การโจมตีฐานทัพอากาศของซีเรียในครั้งนี้เป็นการกระทำที่แข็งกร้าว ทำให้เกิดความเสียหายอย่างหนัก ขณะที่รัสเซียซึ่งเป็นประเทศหนึ่งที่หนุนหลังซีเรียในการต่อสู้กับกลุ่มกบฏและกลุ่มก่อการร้าย แถลงประณามการโจมตีของสหรัฐฯ โดยระบุว่าเป็นการละเมิดอธิปไตยของประเทศอื่น และสิ่งที่เกิดขึ้นกระทบต่อความสัมพันธ์ระหว่างรัสเซียและสหรัฐฯ เช่นกัน

ด้านโฆษกประจำทำเนียบขาวสหรัฐฯ ตอบโต้ว่า ได้มีการแจ้งให้ทางฝ่ายรัสเซียทราบล่วงหน้าแล้วว่าจะมีการยิงโจมตีเกิดขึ้นในซีเรีย และสหรัฐฯ มีข้อมูลที่เชื่อได้ว่าฐานทัพอากาศเชย์รัตซึ่งถูกโจมตีในครั้งนี้เป็นต้นทางของเครื่องบินที่ปล่อยอาวุธเคมีโจมตีที่มั่นของกลุ่มกบฏในจังหวัดอิดลิบของซีเรียเมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (4 เมษายน 2017) ทำให้มีผู้เสียชีวิตจำนวนมาก รวมถึงเด็กและผู้หญิง

นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ แถลงยอมรับว่าเป็นผู้ออกคำสั่งโจมตีครั้งนี้ และเขายังได้เรียกนายบาชาร์ อัล อัสซาด ประธานาธิบดีของซีเรียว่าเป็นเผด็จการคนหนึ่งอีกด้วย และการโจมตีซีเรียเกิดขึ้นในระหว่างที่นายทรัมป์ให้การต้อนรับนายสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ซึ่งเดินทางเยือนสหรัฐฯ อย่างเป็นทางการที่มลรัฐฟลอริดา


อย่างไรก็ตาม รัฐบาลจีนได้ออกแถลงการณ์ในเวลาต่อมา โดยเตือนว่า แต่ละประเทศยังไม่ควรเคลื่อนไหวใดๆ ที่อาจส่งผลกระทบให้สถานการณ์ในซีเรียย่ำแย่ไปกว่าเดิม เช่นเดียวกับอิหร่านที่แถลงประณามว่าการโจมตีของสหรัฐฯ จะยิ่งทำให้กลุ่มก่อการร้ายยิ่งรวมตัวกันอย่างเข้มแข็งมากขึ้น ขณะที่รัฐบาลอังกฤษ ตุรกี ฝรั่งเศส ออสเตรเลีย และอิสราเอล แถลงสนับสนุนการโจมตีของสหรัฐฯ ซึ่งนักวิเคราะห์หลายรายประเมินเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นว่าอาจทำให้สถานการณ์ระหว่างประเทศมหาอำนาจโลกทวีความตึงเครียดยิ่งขึ้น

ส่วนคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ หรือ UNSC มีกำหนดประชุมหารือถึงกรณีที่เกิดขึ้นในวันนี้เพิ่มเติมด้วย

loading...
loading...
Cr : voicetv

ก่อนหน้านี้
หน้าถัดไป

post written by:

0 ความคิดเห็น: